บ่อเลี้ยงปลาคาร์ฟ
ปลาคาร์ฟเป็นปลาที่สวยงามโดยเฉพาะตรงหลังของปลา จึงไม่นิยมเลี้ยงในตู้กระจก บ่อปลาไม่มีกำหนดว่าจะต้องใหญ่ หรือเล็ก เอาอ่างอะไรก็ได้ที่ มีเนื้อที่ให้ปลาได้ว่ายหน่อย เพราะปลาคาร์พสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดีมาก แต่มีข้อคิดคือปลาคาร์พเป็นปลาที่ไม่อยู่นิ่ง ( active ) ดังนั้นบ่อใหญ่ย่อมดีกว่าบ่อเล็ก บ่อลึกย่อมดีกว่าบ่อตื้น เมื่อปลาอยู่ในพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ ปลาจะว่ายอย่างมีความสุข บ่อเลี้ยงควรมีบ่อกรองเพื่อไม่ทำให้เรายุ่งยากในการเปลี่ยนน้ำ
ปลาคาร์ฟเป็นปลาที่สวยงามโดยเฉพาะตรงหลังของปลา จึงไม่นิยมเลี้ยงในตู้กระจก บ่อปลาไม่มีกำหนดว่าจะต้องใหญ่ หรือเล็ก เอาอ่างอะไรก็ได้ที่ มีเนื้อที่ให้ปลาได้ว่ายหน่อย เพราะปลาคาร์พสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดีมาก แต่มีข้อคิดคือปลาคาร์พเป็นปลาที่ไม่อยู่นิ่ง ( active ) ดังนั้นบ่อใหญ่ย่อมดีกว่าบ่อเล็ก บ่อลึกย่อมดีกว่าบ่อตื้น เมื่อปลาอยู่ในพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ ปลาจะว่ายอย่างมีความสุข บ่อเลี้ยงควรมีบ่อกรองเพื่อไม่ทำให้เรายุ่งยากในการเปลี่ยนน้ำ
การสร้างบ่อเลี้ยงปลาคาร์ฟไม่มีขนาดและรูปทรงที่แน่นอน แต่มีข้อแม้ว่าบ่อกรองควรมีขนาดหนึ่งในสามของบ่อเลี้ยง เพื่อประสิทธิภาพในการกรองที่ดี ความลึกของน้ำที่เหมาะสมสำหรับเลี้ยงปลาแฟนซีคาร์พคือ 80-150 ซม.(ขึ้นอยู่กับขนาดของ ปลาที่จะเลี้ยง) และขอบบ่อควรสูงกว่าระดับน้ำในบ่อ 20-30 ซม. ถ้าเป็นบ่อแบบขุดลงดินขอบบ่อก็ควรสูงกว่าพื้นดินไม่น้อยกว่า 30 ซม. เพื่อป้องกันน้ำท่วมบ่อ ก้นบ่อควรเทพื้นให้ลาดเอียง 20-30 องศา จากริมก้นบ่อโดยรอบเข้าหาใจกลางบ่อที่เป็นเป็นตัว U และสะดือบ่อที่อยู่ใจกลางบ่อก็ควรมีขนาดที่ไม่เล็กจนเกินไป และอาจมีได้หลายสะดือ ถ้าบ่อมีขนาดใหญ่มากๆ หรือมีส่วนที่เว้าเยอะ วัสดุในบ่อกรองให้ใช้หินกรองสามขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ปั๊มน้ำก็ควรใช้ที่เงียบ และแรงเหมาะสมกับขนาดบ่อ บ่อทรงกลมจะช่วยให้ไม่ต้องใช้ปั๊มน้ำขนาดใหญ เพื่อให้น้ำในบ่อหมุน เพราะถ้าน้ำหมุนก็จะทำให้ขี้ปลาไปรวมที่ก้นบ่อเร็ว และจะลงไปในสะดือไปที่บ่อกรองได้ง่าย ที่ตั้งของบ่อก็ควรให้มีแดดส่องถึง อย่างน้อยวันละ 3 ชั่วโมง หรือให้แสงส่องลงบ่อประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์
1. บ่อเลี้ยงแบบบ่อกรองและบ่อเลี้ยงอยู่บนดิน
บ่อแบบนี้จะสะดวกต่อการจัดการ เพราะน้ำที่มาจาก สะดือบ่อเลี้ยง จะมาที่บ่อกรอง โดยตรง ไม่ต้องใช้การปั๊มจากบ่อพัก มาบ่อกรอง และการล้างบ่อกรองก็ง่ายเพราะบ่อกรองอยู่บนดิน เพียงแค่เปิดวาล์วที่ทำไว้กันบ่อกรองต่อกับสะดือบ่อกรองทุกห้อง โดยใช้วิธี ล้างกลับ (Reverse Flow) โดยการให้น้ำไหลจากด้านบนกลับไปที่ด้านล่างจนกว่าน้ำจะใส ประมาณปีละ2-3 ครั้งขึ้นอยู่กลับปริมาณปลาและการให้อาหาร ข้อสำคัญก้นบ่อกรองจะต้องเทลาดเอียงทุกห้อง และมีสะดือบ่อเหมือนบ่อเลี้ยง ให้ตะกอนมารวมกันเพื่อง่ายต่อการกำจัด 2. บ่อเลี้ยงแบบบ่อกรองและบ่อเลี้ยงอยู่ในดิน
วิธีสร้างบ่อกรองแบบนี้ไม่สามารถทำวาล์วไว้ที่ก้นบ่อ ได้เหมือนสองวิธีแรกได้ เพราะระดับน้ำของก้นบ่อกรอง อยู่ต่ำกว่าระดับพื้นดินปกติ ดังนั้นจึงต้องทำก้นบ่อกรองให้ลาดเอียงไปทางด้านช่องของน้ำล้น เข้า ที่ไม่ได้ใส่วัสดุกรองของแต่ละช่อง และช่องว่างของช่องน้ำล้นเข้าต้องกว้างพอที่จะใส่ปั๊มน้ำลงไปได้ เพราะเมื่อต้องการล้างบ่อกรอง โดยใช้ วิธีการล้างกลับ (Reverse Flow) โดยการให้น้ำไหลจากด้านบนกลับไปที่ด้านล่างจนกว่าน้ำจะใสนั้น จะต้องใช้ปั๊มน้ำเป็นตัวดึงน้ำออกแทนการเปิดวาล์วแบบสองวิธีแรก
3. บ่อเลี้ยงแบบบ่อกรองอยู่บนดินและบ่อเลี้ยงขุดลงในดินวิธีสร้างบ่อกรองใช้เหมือนวิธีแรกแต่บ่อพักต้องสร้างลึก ลงไป ให้ เท่ากับก้นบ่อเลี้ยง แล้วใช้ปั้มน้ำปั้มน้ำจากบ่อพัก มาบ่อกรอง ขนาดของบ่อพัก ไม่จำกัดจะใหญ่หรือเล็กก็ได้ การล้างบ่อกรองก็เหมือนวิธีแรก
-->
อากาศ หรือออกซิเจน
จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของปลาคาร์พมาก สังเกตได้จากการที่ปลาคาร์พว่ายน้ำ ถ้าว่ายน้ำอยู่ในน้ำแล้วจะลอยหัวขึ้นมาเฉพาะตอนกินอาหาร ก็ถือว่าออกซิเจนไม่ขาด แต่ถ้าปลาคาร์พลอยหัวอยู่ตลอดแสดงว่าอากาศหรือออกซิเจนเริ่มขาดต้องรีบทำการเติมอากาศทันที ทางที่ดีควรจะทำการเติมอากาศไว้อยู่ตลอดเวลา โดยการที่ให้น้ำดีจากบ่อกรองที่จะมาในบ่อเลี้ยง ได้สัมผัสอากาศเสียก่อนที่จะ ปล่อยลงบ่อ โดยยิงน้ำลงบ่อเลี้ยงเพื่อให้เกิดฟองอากาศ หรือใช้ปั๊มอากาศปั๊มลงโดยตรงเลยก็ได้แต่ถ้าบ่อใหญ่มากๆ ควรใช้หัวเจ็ทพ่นน้ำเพราะหัวเจ็ทจะดูดออกซิเจนในอากาศลงไปผสมกับน้ำได้เป็นอย่างดี บ่อที่สร้างแบบมีน้ำตกด้วยจะช่วยให้มีออกซิเจนมาเพิ่มในน้ำดีขึ้น เนื่องจากน้ำที่ไหลลงมาตามแนวน้ำตกจะได้สัมผัสอากาศก่อนลงบ่อนั่นเอง
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลhttp://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=3945.0